คำนวณการซื้อลิขสิทธิ์ SQL Server และ SQL CAL

วิธีการซื้อลิขสิทธิ์ SQL Server และ SQL CAL

ถ้าคุณต้องการใช้ Software สำหรับ Database, Microsoft SQL อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการใช้งานเนื่องจากมีความนิยม และมีนักพัฒนาจำนวนมากใช้เป็น Software ฐานข้อมูลสำหรับโปรแกรมต่างๆ

ดังนั้นถ้าคุณจำเป็นต้องใช้ SQL เป็น Database สำหรับการจัดการฐานข้อมูลของคุณ ทางเลือกในการซื้อลิขสิทธิของคุณมีอะไรบ้าง เรามาลองดูกัน

SQL Server มีกี่ Edition

1. 1. SQL 2022 Express ฟรีนะครับถ้าคุณจะใช้รุ่นนี้ เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับการใช้งาน โดยมีข้อแม้ว่าสามารถเก็บข้อมูลของฐานข้อมูลได้ไม่เกิน 10GB หรือ Download  ที่นี่
   2. SQL 2022 Standard (นิยมใช้สำหรับระบบทั่วไป)
   3. SQL 2022 Enterprise (มี Feature ที่สามารถทำงานแบบ Active-Active ได้เพื่อรองรับการทำงานแบบ 100%)

วิธีการนับ License SQL Server

Microsoft SQL มีวิธีการนับ License อยู่สองแบบครับ คือ แบบที่หนึ่ง Server + CAL และแบบที่สอง Core License แล้วมันนับยังไง

แบบที่ 1 License แบบ Server + CAL

License แบบ Server + CAL จะมีวิธีการซื้อคือนับตามจำนวนเครื่อง Server ที่ต้องการติดตั้ง (บน Physical Server และแบบ VM) และต้องซื้อ SQL CAL ควบคู่ตามจำนวนผู้ใช้หรือตามจำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงฐานข้อมูลนั้นด้วย เช่นมีผู้ใช้ที่เข้าถึงฐานข้อมูล 10 คนก็ต้องซื้อ SQL CAL 10 License
คำนวณการซื้อลิขสิทธิ์ SQL Server และ SQL CAL
ตัวอย่างที่ 1 SQL Server สำหรับ 1 Server และผู้ใช้ 10 คน

แบบที่ 2 License แบบ Core License

License แบบ Unlimited User/Device,  Core License เป็น License ที่เหมาะกับฐานข้อมูล SQL ที่มีผู้ใช้จำนวนมากหรือไม่สามารถคำนวนจำนวนผู้ใช้ได้ เช่น ฐานข้อมูลสำหรับ Web Server การนับ License แบบนี้จะนับตามจำนวน Core ของ Server ที่ใช้ติดตั้ง โดยการนับนี้จะขึ้นอยู่กับ CPU เลยครับ เช่น  Server ใช้ CPU Intel Silver 4215R 8Core การซื้อคือต้องซื้อให้ครบทั้ง 8 Core โดย Microsoft จำหน่าย 1 License รองรับ 2 Core CPU ดังนั้นถ้าคุณใช้ CPU Intel Silver 4215R คุณต้องซื้อ SQL Server แบบ Core License จำนวน 4 License (1 License 2 Core, 4 License 8 Core)

Microsoft SQL Server แบบ Core License จำหน่ายขั้นต่ำ 2 License (4 Core)

ตัวอย่างที่ 2 SQL Server สำหรับ 1 Server ใช้ Intel CPU Xeon Silver 4215R และไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้ได้

จากวิธีการคำนวนเรื่องการคิด License ของ SQL ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยสำหรับรูปแบบอื่นๆอีกเช่น ถ้าเราติดตั้งบน VM เราจะคำนวนยังไง หรือถ้าเราต้องการซื้อ License ไปใช้บน Cloud เราจะนับยังไง ลองมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันครับ

การนับ SQL License บน VM

หลักการนับ License SQL ที่ต้องใช้บน VM ก็มีการนับเหมือนกับที่กล่าวมาข้างต้นนะครับ คือ จะนับแบบ Server + CAL หรือจะนับแบบ Core License ก็ได้โดยมีเงื่อไขเพิ่มเติมนิดนึงครับ กรณีที่ซื้อ Core License ให้นับตามจำนวน vCPU ของ VM ครับ เช่น สร้าง VM 4 Core ก็ซื้อ 2 License (4Core) ครับ ถ้าสร้าง VM 8 Core ก็ซื้อ 4 License (8Core) เป็นต้น

ข้อควรระวังในการซื้อ SQL Core License สำหรับ VM เนื่องจาก SQL License แบบนี้ไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้ฐานข้อมูล จึงเป็นที่นิยมในการซื้อ โดยหลีกเลี่ยงไปซื้อแบบขั้นต่ำของ Core License จำนวน 2 License 4 Core และนำไปติดตั้งบน VM ที่เป็น 4 Core แต่เมื่อใช้ฐานข้อมูลไปแล้ว vCPU ประมวลผลไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริงทำให้มีการปรับ vCPU ขึ้นเป็น 8 Core เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้ ใช้งาน แบบผิดลิขสิทธิ์นะครับ เนื่องจากตอนแรกลูกค้าซื้อสิทธิ์มาแค่ 4 Core แต่ลูกค้าปรับไปใช้ 8 Core ในภายหลัง วิธีการที่ทำให้ถูกสิทธิ์คือ ซื้อ SQL Core License เติมภายหลังนะครับ หรือถ้าจะให้ดีคือ คำนวน Workload ให้เหมาะสมและซื้อ License ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก

คำนวณการซื้อลิขสิทธิ์ SQL Server และ SQL CAL
ตัวอย่างที่ 3 SQL Server ติดตั้ง บน VM ที่มีการกำหนด vCPU 4 Core

คำนวณการซื้อลิขสิทธิ์ SQL Server และ SQL CAL

การนับ SQL License ที่ใช้งานบน Cloud

ยังมีเงื่อนไขการใช้งานบน Cloud ที่ตอนนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก โดย Microsoft มีการขาย License แบบนี้คือ ถ้าคุณจะใช้บน Cloud คุุณต้องซื้อ License ที่มี SA ติดอยู่ด้วย SA คือ Software Assurance ครับเป็นสิทธื์แบบที่ลูกค้าสามารถใช้ SQL Feature ได้แบบ Active-Standby (สามารถลง SQL บน Server 2 เครื่องได้โดยกำหนดให้มีเครื่องหลัก (Active) 1 เครื่อง และเครื่องสำรอง (Standby) อีก 1 เครื่อง เอาไว้ใช้ตอน ที่เครื่องหลักหยุดทำงานหรือเสีย และเครื่องสำรองจะทำงานแทน และสิทธิ์ในการ Upgrade ฟรีเมื่อออก Version ใหม่โดยต้องต่ออายุทุกๆ 3 ปี SA มีจำหน่ายใน Platform ของ Microsoft ที่เรียกว่า Open Value 

SQL License แบบที่มี SA ด้วยมีจำหน่ายทั้งแบบ SERVER + CAL และ Core License วิธีการนับ License ก็เหมือนที่กล่าวไว้ข้างบนครับ แต่ SKU ในการจำหน่ายเป็นแบบ SA เท่านั้น

SA ต้องต่ออายุทุกๆ 3 ปี ก่อนหมดอายุ ถ้าเราไม่ต่ออายุ สิทธิ์ที่ใช้บน Cloud จะหมดไปจะเป็นสิทธิที่ใช้ On-Premise หรือสิทธิที่สามารถติดตั้งบน Physical Server เท่านั้น