Fortigate Subscription: เลือก Edition ที่เหมาะอย่างไร
Fortigate Subscription: การเลือก Edition ที่เหมาะสมกับธุรกิจ
การเลือก Fortigate Edition เป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกไฟร์วอลล์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ Fortigate มีหลาย Edition ให้เลือก เช่น Advanced Threat Protection, Unified Threat Protection, Enterprise Protection, และ 360 Protection โดยแต่ละตัวเลือกจะมาพร้อมกับคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป การเลือก Fortigate Subscription ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการขององค์กร
Fortigate Subscription Edition: มีกี่แบบ?
เมื่อพูดถึง Fortigate Subscription, มี 4 Edition หลักที่ธุรกิจต่างๆ สามารถเลือกใช้งาน โดยแต่ละ Edition มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจในระดับต่างๆ
Edition | ฟีเจอร์หลัก | เหมาะกับ | ราคาประมาณ |
---|---|---|---|
Advanced Threat Protection | ป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง, Zero-Day Attack, Advanced Malware Protection | ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการการป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง | ต่ำสุด |
Unified Threat Protection | ป้องกันภัยคุกคามแบบครบวงจร เช่น Malware, IPS, VPN Protection, Application Control | ธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการการป้องกันที่ครบครัน | ปานกลาง |
Enterprise Protection | ป้องกันภัยคุกคามระดับองค์กร เช่น DDoS, IPS, Malware, Intrusion Prevention Systems | ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการการป้องกันขั้นสูงและเหมาะสมกับเครือข่ายขนาดใหญ่ | สูง |
360 Protection | การป้องกันที่ครอบคลุมทั้งเครือข่าย, Cloud-based Management, FortiCare ASE Support, SD-WAN | ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบป้องกันภัยคุกคามครอบคลุมทุกด้าน | สูงสุด |
ตัวอย่างการป้องกันในกรณีสมมุติจาก Fortigate Edition
ในกรณีที่คุณเลือก Fortigate Subscription ในแต่ละ Edition ฟีเจอร์การป้องกันจากภัยคุกคามจะมีความแตกต่างกัน เรามาดูกันว่าในแต่ละสถานการณ์ที่มีการโจมตีต่างๆ จะได้รับการป้องกันอย่างไรจากแต่ละ Fortigate Subscription Edition
1. Advanced Threat Protection
- สถานการณ์: แฮกเกอร์พยายามโจมตีระบบด้วย Zero-Day Attack
- การป้องกัน: Advanced Threat Protection จะใช้ Advanced Malware Protection และ Zero-Day Threat Detection เพื่อป้องกันการโจมตีที่ไม่เคยมีข้อมูลมาก่อน
- ข้อดี: เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง
2. Unified Threat Protection
- สถานการณ์: แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ในการเข้าถึงเครือข่าย
- การป้องกัน: Unified Threat Protection ใช้ IPS, Malware Protection และ VPN Tunnels เพื่อป้องกันและบล็อกการโจมตีที่ไม่พึงประสงค์
- ข้อดี: เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการการป้องกันที่ครบวงจร
3. Enterprise Protection
- สถานการณ์: การโจมตีด้วย DDoS เพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงาน
- การป้องกัน: DDoS Protection และ Intrusion Prevention Systems (IPS) จะช่วยป้องกันการโจมตีที่มุ่งทำลายระบบ
- ข้อดี: เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการป้องกันภัยคุกคามที่หลากหลาย
4. 360 Protection
- สถานการณ์: แฮกเกอร์พยายามโจมตีหลายๆ จุดในเครือข่าย
- การป้องกัน: ด้วย 360 Protection, ฟีเจอร์ครบครันและการ Cloud-based Management จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถป้องกันการโจมตีจากทุกมิติ
- ข้อดี: เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบป้องกันภัยคุกคามทุกด้าน
ข้อดีและข้อเสียในการเลือก Fortigate Edition
Edition | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
Advanced Threat Protection | ป้องกันภัยคุกคามขั้นสูงจาก Zero-Day, เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการการป้องกันจากภัยคุกคามขั้นสูง | ฟีเจอร์น้อยกว่า 360 Protection และไม่เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการการป้องกันในหลายๆ ด้าน |
Unified Threat Protection | การป้องกันที่ครบวงจรและใช้งานง่าย ราคาไม่สูงเกินไป | อาจไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการการป้องกันในระดับสูงมากขึ้น |
Enterprise Protection | รองรับการป้องกันภัยคุกคามในระดับองค์กร เช่น DDoS Protection และ IPS | ราคาค่อนข้างสูงและอาจไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง |
360 Protection | ฟีเจอร์ครบครันและเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกมิติ | ราคาค่อนข้างสูงและฟีเจอร์บางตัวอาจซับซ้อนเกินไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก |
สรุป
การเลือก Fortigate Subscription ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง Advanced Threat Protection อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากธุรกิจของคุณเป็นขนาดใหญ่ที่ต้องการการป้องกันครอบคลุม 360 Protection เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
หากคุณต้องการการป้องกันที่ครบครันในราคาที่ไม่สูงเกินไป Unified Threat Protection อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในกรณีนี้ ส่วน Enterprise Protection เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการป้องกันภัยคุกคามระดับองค์กร